บทที่ 7 บทที่ 7 สตรีเนื้อหอม

ผ่านไปร่วมหลายวันที่ไป๋มู่หลันใช้ชีวิตอยู่ในจวนอ๋องของจ้าวฝูหมิง นางเริ่มปรับตัวเข้ากับเมืองเสียนหยางได้เป็นอย่างดี บางคราเขาก็พานางนั่งรถม้าไปเดินเที่ยวเล่นในตลาดบ้างเป็นบางครา นางได้เรียนรู้อย่างหนึ่งว่า แท้จริงแล้ว ท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์พระองค์นี้ ก็มีมุมที่น่ารักหลายมุม เขาใส่ใจราษฎรและเหล่าชาวบ้านเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังไม่ถือตนอีกด้วย แต่ทว่าหากเขาพบกับเหล่าชนชั้นสูงที่คิดรังแกราษฎรต่ำต้อย เขาก็จะจัดการสั่งสอนคนเหล่านั้นอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน

จ้าวฝูหมิงสั่งให้หมอหลวงในวังมารักษาอาการของนางอย่างต่อเนื่อง ไป๋มู่หลันต้องทนดื่มยาขม ๆ อยู่หลายครา มีบางครั้งที่นางแอบเทยาเหล่านั้นทิ้ง แต่ทว่าเมื่อเขารู้เข้า ก็จะอุ้มนางพาดบ่าและฟาดฝ่ามือลงไปบนบั้นท้ายงามของนางอีกทั้งยังบีบขยำจนก้นนางแดงไปหมด

นิสัยไม่ดี!!!

นานวันเข้านางก็เริ่มจะชินชากับพฤติกรรมที่แสนประหลาดและหื่นกามของเขาเสียแล้ว

ด้านหลิงหลิงก็หาทางกลั่นแกล้งไป๋มู่หลันไม่เว้นแต่ละวัน แต่ทว่านางกลับถูกโม่ฉือกระโดดข่วนจนริมฝีปากล่างฉีกขาดเป็นแผล และนอนซมเป็นไข้อยู่หลายวัน เหล่านางบำเรอคนอื่น ๆ ต่างมิกล้ามีปากมีเสียง ทำได้เพียงอยู่นิ่ง ๆ ไปเท่านั้น

"รอบเดือนของเจ้ามาหรือยัง?"

จ้าวฝูหมิงเอ่ยถามนางในระหว่างที่กำลังรับสำรับมื้อเช้าด้วยกันที่เรือนใหญ่ ไป๋มู่หลันชะงักไปเล็กน้อย จะบ้าตาย! นี่เขาคิดจะถามนางสามเวลาก่อนอาหารเลยหรือ?

"ทูลท่านอ๋อง ยังไม่มาเพคะ"

จ้าวฝูหมิงขมวดคิ้วมุ่น เขาสู้อุตส่าห์พาท่านหมอในวังหลวงมารักษานางเป็นอย่างดี แต่กลับยังไร้วี่แวว หรือเหล่าหมอหลวงเหล่านั้นไร้ความสามารถ เขาสั่งตัดหัวทิ้งเสียดีหรือไม่?

"กินอิ่มแล้วจงเตรียมตัวไปรอข้าที่หน้าจวน ข้าจะพาเจ้าไปเดินตลาด"

"เพคะ"

ได้ยินคำว่าไปเดินตลาด ไป๋มู่หลันก็ตื่นตัวเป็นอย่างมาก นางชอบไปตลาด ชอบเดินดูวัตถุดิบเพื่อจะนำมาทำอาหารที่นางชื่นชอบ

นางเดินไปรอเขาที่หน้าประตูจวนทันทีหลังรับสำรับมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่นานนักเขาก็เดินออกมาจากในเรือนใหญ่ ไป๋มู่หลันจ้องมองเขาอย่างไม่ลดละ ยามนี้เขาสวมเพียงชุดสีฟ้าลวดลายเรียบง่ายเหมือนคุณชายในตระกูลใหญ่ แต่ทว่าความน่าเกรงขามและสูงศักดิ์ของเขากลับไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย

จ้าวฝูหมิงขมวดคิ้วจ้องมองนางด้วยแววตาที่ครุ่นคิด

"ขึ้นรถม้าเร็วเข้า จะมองดูความหล่อเหลาของข้าไปถึงเมื่อใดกัน เจ้ามีเวลาดูไปทั้งชีวิต ยังจะมาจ้องข้าอยู่ได้"

ไป๋มู่หลันก้มหน้างุดลอบเบ้ปากใส่เขาอย่างอดไม่ได้ เจ้าค่ะ!!! บุรุษรูปงาม บุรุษผู้หล่อเหลา

รถม้าเคลื่อนออกจากหน้าจวนอ๋องอย่างไม่รีบไม่ร้อน ระหว่างทางไป๋มู่หลันได้เอ่ยถามเขาขึ้นมา

"วันนี้ท่านอ๋องไม่เข้าวังหลวงไปสะสางงานหรือเพคะ?"

"ไม่ ข้าไม่มีอารมณ์ทำงานใดใดทั้งสิ้น นี่เจ้าไล่ข้าหรือ?"

"มิใช่นะเพคะ!!! หม่อมฉันเพียงถามดูเท่านั้น"

"อย่ายุ่งเรื่องของข้าอีก!!! เข้าใจหรือไม่?"

"เพคะ"

บัดซบ!!! นางจะถามทำไมกัน ข้ามีงานต้องทำทุกวันน่ะถูกแล้ว แต่ข้าไม่ทำ ข้าอยากพาอนุออกมาเดินตลาด ใครจะทำไม?

ไม่นานนักรถม้าก็หยุดลง เขาเดินลงไปก่อน ส่วนนางเดินตามเขาไปทีหลัง เขาไม่แม้แต่จะรอนางเลยด้วยซ้ำ นางเองก็วิ่งไล่ตามเขาไม่ทันเสียด้วย

จ้าวฝูหมิงหันหลังกลับไปมองไป๋มู่หลันด้วยความหงุดหงิดใจ สตรีนางนี้เดินชักช้ายิ่งนัก

หรือว่านางแกล้งเดินช้า ๆ เพื่อให้เขาอุ้มนาง?

หึ!!! สาวน้อยนางนี้ช่างยั่วยวนเก่งไม่เบา

จ้าวฝูหมิงหันหลังเดินตรงไปหานาง หวังจะอุ้มนางพาดบ่าอย่างเช่นที่เขาเคยทำ แต่ทว่าก็ปรากฏร่างของบุรุษรูปงามผู้หนึ่งที่ตรงเข้ามาจับแขนนางเอาไว้ ดึงรั้งนางไม่ให้ล้มลงไปกับพื้น เพราะไป๋มู่หลันรีบเดินตามจ้าวฝูหมิงจึงทำให้นางไม่ทันระวัง

จ้าวฝูหมิงจ้องมองบุรุษผู้นั้นด้วยสายตาเย็นชา

เสี่ยวลู่หาน!!!

เสี่ยวลู่หานเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเสี่ยว บิดาของเขารั้งตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีของวังหลวง มีน้องสาวนามว่า เสี่ยวหนิง เป็นฮองเฮาอยู่ในวังหลวง

เสี่ยวลู่หานเป็นบุรุษที่เพียบพร้อมและรูปงาม เขามีนิสัยโอบอ้อมอารีและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอยู่ตลอด

"แม่นาง โปรดระวังด้วย เจ็บตรงไหนหรือไม่?"

ไป๋มู่หลันเงยหน้าไปมองเสี่ยวลู่หาน เมื่อเห็นว่าเขายื่นมือมาประคองจับแขนของนางเอาไว้จึงรีบผละออกจากเขาทันที

"ขอบคุณคุณชายเจ้าค่ะ ข้ามิเป็นอันใด"

นางจ้องมองชายหนุ่มผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา ดวงตาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้าชวนมองเป็นอย่างยิ่ง

เสี่ยวลู่หานจ้องมองไป๋มู่หลันคราหนึ่ง สาวน้อยผู้นี้มีใบหน้าแตกต่างจากสตรีเมืองเสียนหยาง คงจะอพยพมาจากแคว้นอื่นเป็นแน่

"แม่นางมิใช่สตรีเสียนหยาง ใช่หรือไม่?"

"เอ่อ เจ้าค่ะ ข้ามาจากแคว้นฉี"

"อ้อ เช่นนั้นแม่นางมาทำสิ่งใดที่เมืองเสียนหยางกันเล่า?"

"มาเป็นเมียข้า!!! เจ้าไม่แหกตาดูให้ดีก่อนเล่าว่านางมากับข้า!!!"

ยังไม่ทันที่ไป๋มู่หลันจะเอ่ยตอบสิ่งใด เสียงเข้มทรงอำนาจของจ้าวฝูหมิงก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน เขาเดินมากระชากตัวนางเข้าหาตนเอง ก่อนจะกอดรัดเอวบางของนางเอาไว้แนบกายของเขา สายตาเย็นชาจ้องมองเสี่ยวลู่หานด้วยความไม่พอใจ

"คารวะท่านอ๋อง"

"กองไว้ตรงนั้นละ ไสหัวไปเสีย"

"แม่นางไป๋ ข้าขอตัวลาก่อน"

"จะไสหัวไปเอง หรือจะให้ข้าถีบเจ้าไป?"

"คงมิบังอาจรบกวนเท้าท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอทูลลา"

เสี่ยวลู่หานเหลือบมองสาวน้อยในอ้อมกอดของจ้าวฝูหมิงอีกครา ก่อนจะเดินจากไป จ้าวฝูหมิงก้มลงไปมองไป๋มู่หลันด้วยแววตาที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก

"เจ้าเป็นอนุของข้าควรสำรวมกิริยาเอาไว้บ้าง มิควรเข้าใกล้ชายอื่นเช่นนี้"

"เพคะ"

เมื่อเห็นว่านางพยักหน้าไม่คิดโต้เถียงเขาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาหอมแก้มสีชมพูระเรื่อของนางครั้งหนึ่งอย่างย่ามใจ โดยมิสนใจสายตาของผู้คนในตลาดแม้แต่น้อย ไป๋มู่หลันรู้สึกอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่มิอาจจะทัดทานเขาได้

เขาพานางเดินลัดเลาะทั่วตลาด อีกทั้งยังเข้าตรอกนั้นออกซอยนี้จนขาของนางแทบจะหมดเรี่ยวแรง

สิ่งของมากมายถูกซื้อกลับมาที่จวนอ๋องจนเต็มไปหมด ระหว่างทางเขายังควักตั๋วเงินหมื่นตำลึงให้นางอีกด้วย เขาเอ่ยเพียงว่าอยากได้สิ่งใดจงซื้อได้ตามใจชอบ เป็นอนุของเขามิต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้น

ไป๋มู่หลันพยักหน้ารับ จ้าวฝูหมิงยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ

ข้าให้เจ้ามากมายเช่นนี้ เจ้าจะได้มิต้องไปคิดถึงบุรุษใดอีก!!!

ยามนี้เป็นช่วงวสันตฤดูมาเยือน (ฤดูใบไม้ผลิ) เป็นช่วงเวลาที่อากาศค่อนข้างดีเป็นอย่างยิ่ง ฮ่องเต้จ้าวฝูหรงจึงทรงจัดงานภายในวัง ให้เหล่าขุนนางชั้นสูงสามารถมาร่วมงานเลี้ยงภายในวังได้ จ้าวฝูหมิงเองก็ต้องมาร่วมงานเลี้ยงนี้เช่นกัน เขาจึงสั่งให้คนเตรียมชุดให้ไป๋มู่หลัน เขาจะพานางเข้าวังหลวงไปด้วยกัน

ไป๋มู่หลันเป็นเพียงอนุ แท้จริงแล้วมิสมควรได้รับเกียรติเช่นนี้ แต่จะให้ทำเช่นไรเล่า ใครใช้ให้นางเป็นอนุของชินอ๋องล่ะ ใครจะกล้ามาต่อว่าดูแคลนนาง หากกล้าคงถูกชินอ๋องบั่นคอขาดกลางวังหลวงเป็นแน่

ไป๋มู่หลันติดตามจ้าวฝูหมิงเข้ามาในวังหลวงเพื่อร่วมงานเลี้ยง นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เปิดหูเปิดตาถึงเพียงนี้ ในวังมีแต่สตรีชนชั้นสูง แม้แต่นางกำนัลยังงดงามและแต่งกายเป็นระเบียบเรียบร้อย

ขันทีจัดที่นั่งของนางเอาไว้ใกล้ ๆ กับจ้าวฝูหมิง ยามนี้เขากำลังไปยกสุราถวายพระพรฮ่องเต้ นางจึงนั่งลงที่โต๊ะรอเขาด้วยท่วงท่าสง่างาม อาหารเริ่มนำออกมาทีละอย่างสองอย่าง ล้วนเป็นอาหารชั้นเลิศในวังหลวง การจัดเตรียมก็ดูงดงามยิ่งนัก

ไป๋มู่หลันจ้องมองขนมดอกกุ้ยฮวาในจานด้วยความสนใจ มันช่างดูน่ากินยิ่งนัก เนื้อแป้งเนียนละเอียด บ่งบอกถึงความพิถีพิถันของคนทำได้เป็นอย่างดี นางลองยื่นมือไปหยิบขนมดอกกุ้ยฮวาในจานใบเล็กมาลิ้มชิมรส ก็พบว่ารสชาติดีไม่น้อย นางจึงลองกัดเข้าปากอีกคำหนึ่ง

อื้มม!!! อร่อย

"เพิ่งรู้ว่าอนุของพี่รองชื่นชอบขนมในวังหลวงถึงเพียงนี้"

เสียงหวานใสปนความหยอกเย้าเอ่ยขึ้นมา ทำให้ไป๋มู่หลันชะงักไปเล็กน้อย นางวางขนมดอกกุ้ยฮวาในมือลง ก่อนจะหันไปมอง และพบกับสตรีผู้หนึ่ง นางสวมชุดสีเขียวดูสบายตา ทรงผมปล่อยยาวสยายปักเพียงปิ่นหยกสีเขียวหรูหราหนึ่งอัน ท่าทางของนางดูเป็นมิตรยิ่งนัก

"นี่คือองค์หญิงเล็ก เป็นเพียงอนุต่ำต้อยในจวนท่านอ๋อง ยังมิรีบถวายพระพรอีก!!!"

เสียงของนางกำนัลน้อยนางหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความดูแคลน  จ้าวซือซือที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันกลับไปจ้องนางกำนัลผู้นั้นเขม็ง ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงไปบนใบหน้าของนางกำนัลน้อยจนเต็มแรง

"ลากนางไปตบปากหนึ่งร้อยครั้ง พี่สะใภ้ใช่คนที่เจ้าจะล่วงเกินได้หรือ?"

"ฮืออ องค์หญิง"

"ไสหัวไป!!! ตบปากสำนึกผิดเสีย"

จ้าวซือซือคร้านจะสนใจนางกำนัลผู้นั้นอีก นางหันกลับมามองไป๋มู่หลันที่ยืนขึ้นและทำความเคารพนางอย่างนอบน้อม จ้าวซือซือยื่นมือไปลูบแขนนางเล็กน้อย

ผิวนุ่มจัง! นางบำเรอในตำหนักของข้ามิเห็นจะมีใครผิวนุ่มเท่าอนุของพี่รองเลย

"ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ"

"ไม่ต้องมากพิธี เอ่อ ปีนี้เจ้าอายุเท่าใด?"

จ้าวซือซือเห็นว่าไป๋มู่หลันมีใบหน้าไร้เดียงสาราวกับเด็กสาวอายุยังน้อย จึงลองหยั่งเชิงเอ่ยถามนางดูเสียหน่อย

"สิบเจ็ดปีเพคะ ปลายปีนี้ก็เข้าสิบแปดปีแล้วเพคะ"

โอวววว อายุยังน้อยนัก เป็นสตรีในฝันของข้าเลย ข้าอายุยี่สิบห้าปี นางอายุเพียงสิบเจ็ดปี น่าจะเข้ากันได้ดีทีเดียว

"เช่นนั้นเจ้าก็เรียกข้าว่าพี่หญิงเถิด"

"เอ่อ.."

"ข้าชื่อจ้าวซือซือ เป็นแฝดน้องของสามีเจ้า เจ้าชื่ออะไรหรือ?"

ไป๋มู่หลันค่อนข้างตกใจไม่น้อย ท่านอ๋องมีฝาแฝดด้วยหรือ เหตุใดเขาจึงไม่เคยบอกนางเลยเล่า?

แต่จะว่าไปนางเองก็ไม่ได้สำคัญถึงขนาดที่เขาจะต้องเอ่ยปากบอกนางทุกเรื่องนี่นา

"เจ้าชื่ออะไร?"

จ้าวซือซือที่เห็นไป๋มู่หลันเหม่อลอยจึงเอ่ยถามอีกครา

"ไป๋มู่หลันเพคะ"

"ชื่อเพราะเสียจริง น้องไป๋ มานี่เถิด พี่จะพาเจ้าเดินชมวังหลวง"

ไม่รอให้ไป๋มู่หลันได้ปฏิเสธคำเชิญชวน จ้าวซือซือรีบยื่นมือเรียวสวยมาโอบเอวบางของไป๋มู่หลันเอาไว้ นางลูบไล้ผิวนวลเนียนของไป๋มู่หลันอย่างย่ามใจ ไป๋มู่หลันไม่ได้รู้สึกสงสัยสิ่งใดแม้แต่น้อย นางคิดเพียงว่าองค์หญิงช่างดีต่อนางเหลือเกิน

จ้าวฝูหมิงที่กำลังร่ำสุรากับจ้าวฝูหรง เมื่อหันไปมองและพบว่าจ้าวซือซือกำลังโอบกอดไป๋มู่หลัน ดวงตาของเขาก็พลันเย็นเยียบขึ้นมาทันที

บัดซบ!!! เผลอมิได้ คิดจะพาอนุข้าไปทำมิดีมิร้ายเช่นนั้นหรือ!!!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป